วิเคราะห์โปรแกรมบอลประจำค่ำคืนวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2564

Meball แชมเปี้ยนส์ ลีก
บาร์เซโลน่า -vs- เปแอสเช

ผลงานที่เคยพบกัน

09/03/17 บาร์เซโลน่า ชนะ เปแอสเช 6 – 1
15/02/17 เปแอสเช ชนะ บาร์เซโลน่า 4 – 0
22/04/15 บาร์เซโลน่า ชนะ เปแอสเช 2 – 0
16/04/15 เปแอสเช แพ้ บาร์เซโลน่า 1 – 3
11/12/14 บาร์เซโลน่า ชนะ เปแอสเช 3 – 1

บาร์เซโลน่า

ยังไม่สามารถใช้บริการ เคราร์ด ปิเก้, เซร์กี โรเบร์โต้, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่, มาร์ติน เบรธเวท, โรนัลด์ อเราโฆ่ และ อันซู ฟาติ ที่มีอาการบาดเจ็บ ส่วน มิราเล็ม ปานิช และ แซร์จิโน่ เดสต์ ผ่านความฟิตลงเล่นในเกมลีกที่ถล่ม อลาเบส 5-1 โดยรายแรกน่าจะพร้อมออกสตาร์ทต่อเนื่อง ส่วนรายหลังอาจเป็นตัวสำรอง ขณะที่ เฟรนกี้ เดอ ยอง กับ เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ น่าจะควงแขคืนโผ 11 ตัวจริง หลังได้พักในนัดล่าสุด นอกนั้นพร้อมลงสนาม คาดว่า กุนซือ โรนัลด์ คูมัน จะเลือกใช้แผน 4-3-3 นำโดย 3 แนวรุก มุสซ่า เดมเบเล่, ลิโอเนล เมสซี่ และ อองตวน กรีซมันน์

เปแอสเช

เนย์มาร์ กองหน้าตัวหลักฟิตไม่ทันเกมนี้ ถือว่าเสียหายหนักสำหรับทีมเยือน รวมถึงอีกหนึ่งตัวรุกอย่าง อังเคล ดิมาเรีย ก็ไม่พร้อม ส่งผลให้ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ต้องเล่นระบบหน้าเดี่ยวต่อไป ด้วยการส่ง เมาโร อิคาร์ดี้ ลงล่าตาข่าย ปล่อยให้ คิเลียน เอ็มบัปเป้ โจมตีริมเส้นฝั่งซ้าย ส่วน มาร์โก แวร์รัตติ น่าจะถูกเข็นลงสนาม หลังจากหลุดจากทีมในเกมลีกนัดชนะ นีซ 2-1 ขณะที่ เคย์เลอร์ นาวาส สลัดเดี้ยงกลับมาเฝ้าเสาในนัดที่แล้ว จึงน่าจะออกสตาร์ทต่อเนื่อว เช่นเดียวกับ อันเดร์ เอร์เรร่า ห้องเครื่องตัวเก่งก็ผ่านฟิตพร้อมเป็นตัวเลือก

บาร์เซโลน่า (4-3-3) : มาร์ค-อันเดร แทร์ สเตเก้น ; ออสการ์ มิงกูเอซ่า, เฟรนกี้ เดอ ยอง, เกลมงต์ ลองเล่ต์, จอร์ดี้ อัลบา ; มิราเล็ม ปานิช, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, เปดรี้ ; มุสซ่า เดมเบเล่, ลิโอเนล เมสซี่, อองตวน กรีซมันน์

เปแอสเช (4-2-3-1) : เคย์เลอร์ นาวาส ; อเลสซานโดร ฟลอเรนซี่, มาร์คินญอส, เพรสแนล คิมเพมเบ้, เลย์แว็ง คูร์ซาว่า; กาน่า เกเย่, เลอันโดร ปาเรเดส ; มอยเซ่ คีน, มาร์โก้ แวร์รัตติ, คิเลียน เอ็มบัปเป้ ; เมาโร อิคาร์ดี้

ทรรศนะ เดวิด พาRuay

บาร์เซโลน่า ไม่ได้เหนือกว่าเหมือนเคย อย่างเกมในถิ่นที่เคยดุดันก็มีหืดจับกันหลายนัด กับสถิติชนะแค่ 2 ตลอด 5 เกมที่ผ่านมายืนยันได้ และส่วนใหญ่เป็นการเข้าวินแบบหวุดหวิด มีเพียงนัดล่าสุดซึ่งไล่ถล่ม อลาเบส 5-1 ก็เป็นเพราะมาตรฐานค่อนข้างห่าง อีกจุดที่น่าห่วงคือสภาพร่างกาย เนื่องจากพวกเขาผ่านเกมหนักมาเยอะ และมีหลายนัดต้องลงสนามเกิน 120 นาที แถมโปรแกรมค่อนข้างชุก โดยยเฉพาะ 3 กองหน้าที่ลงเล่นแบบไม่ได้พัก จึงน่าจะล้ากันทีเดียว กอปรกับเกมรับก็พลาดกันค่อนข้างง่าย (เสีย 10 ลูกใน 5 นัดหลัง) เชื่อว่ามาเจอคู่ต่อสู้เกรดใกล้เคียงในบอลยุโรปอย่าง เปแอสเช มุมเพลี่ยงพล้ำมีสูง อีกทั้งอาคันตุกะสร้างสถิตินอกบ้านรายการนี้ได้อย่างแข็งแกร่ง

Mescore : เสมอ 2-2

Meball แชมเปี้ยนส์ ลีก
ไลป์ซิก -vs- ลิเวอร์พูล

ผลงานที่เคยพบกัน
-ไม่เคยพบกัน

ไลป์ซิก

จูเลี่ยน นาเกิ้ลส์มันน์ เฮดโค้ชของ ไลป์ซิก ต้องเช็คฟิต เอมิล ฟอร์สเบิร์ก (18 นัด 4 ประตู) แนวรุกคนสำคัญ ว่าพร้อมลงเล่นรือไม่ หลังจากเพิ่งหายเจ็บกลับมาซ้อมได้ไม่นาน แต่ที่ยังวืดคือ เบนจามิน เฮนริชส์ (7 นัด) และ คอนราด ไลเมอร์ ส่วนแนวรับที่เป็นเป้าหมายของ ลิเวอร์พูล อย่าง อิบราฮม โคนาเต้ สลัดเดี้ยงกลับมาช่วยทีมในนัดชนะ เอ๊าก์สบวร์ก 2-1 แต่วันนี้อาจหลุดไปนั่งสำรอง ขณะที่ ยุสติน ไคลเวิร์ต กองหน้าดาวรุ่งก็เรียกความฟิตกลับมาเป็นตัวสำรองในเกมดังกล่าว จึงมีลุ้นสอดแทรก ทางด้านแนวรุกคาดว่า นาเกิ้ลส์มันน์ จะเลือกใช้ 2 กองหน้าร่างใหญ่ทั้ง กริสตอฟแฟร์ เอ็นคุนคู กับ ยูสซูฟ โพลเซ่น ไว้คอยปะทะแนวรับ “หงส์แดง” ที่ค่อนข้างอ่อน

ลิเวอร์พูล

ลิเวอร์พูล ของกุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ เจอปัญหาตัวเจ็บวนเวียนอยู่เรื่อยๆ ล่าสุด เจมส์ มิลเนอร์ กองกลางจอมเก๋าเดี้ยงระหว่างเกมแพ้เลสเตอร์ จนโดนเแลี่ยนออก จึงไม่น่าพร้อม แต่ข่าวดีคือ ฟาบินโญ่ ดาวเตะสารพัดประโยชน์ มีลุ้นผ่านฟิตกลับมายืนแนวรับกับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ส่วน โอซาน คาบัก กองหลังป้ายแดงเล่นพลาดหลายช็อตในเกมที่แล้ว ก็คงต้องรอโอกาสไปก่อน ขณะที่ ดิโอโก้ โชต้า, เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค, โจ โกเมซ และ โฌแอล มาติป ก็ต้องพักฟื้นกันต่อไป ทางด้านแนวรุกยังคงเป็น โมฮาเหม็ด ซาล่าห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ และ ซาดิโอ มาเน่ ประสานงานกันต่อไป

ไลป์ซิก (3-5-2) : ปีเตอร์ กูลัคซี่ – นอร์ดี้ มูคิเอเล่, ดาโย่ต์ อูปาเมกาโน่, ลูคัส คลอสเตอร์มันน์ – ไทเลอร์ อดัมส์, มาร์เซล ซาบิตเซอร์, เควิน คัมเพิ่ล, ดานี่ โอลโม่, อังเกลิโญ่ – กริสตอฟแฟร์ เอ็นคุนคู, ยูสซูฟ โพลเซ่น

ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลิสซง เบ็คเกอร์ – เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฟาบินโญ่, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน – ธิอาโก้ อัลคานตาร่า, จอร์จินิโอ้ ไวย์นัลดุม, เคอร์ติส โจนส์ – โมฮาเหม็ด ซาล่าห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่, ซาดิโอ มาเน่

ทรรศนะ เดวิด พาRuay

ลิเวอร์พูล อาการน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะสภาพจิตใจ และแนวรับ ที่อ่วนยวบ อย่างไรก็ตาม “หงส์แดง” น่าจะรวมใจกันอีกเฮือกในรายการนี้เพื่อกู้ศรัทธา เพราะเป็นถ้วยใบสุดท้ายที่เหลืออยู่ อีกทั้งพวกเขาถูกโฉลกเวลารับมือกับทีมจากบุนเดสลีก้า โดยไม่เคยพลาดท่าต่อทีมจากเยอรมันเลย นับตั้งแต่ คล็อปป์ เข้ามาคุมทีม แสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวรู้วิธีการจัดการกับคู่แข่งจากเมืองเบียร์ ประกอบกับอาคันตุกะช่วงหลังเล่นนอกบ้านได้ หากมองในแง่ฟอร์มการเล่น แต่มาพลาดจังหวะเล็กๆน้อยๆ ในนัดล่าสุดกับเลสเตอร์ จึงโดยรัวท้ายเกม กอปรกับ ไลป์ซิก เป็นบอลเกมรุก ซึ่งน่าจะเข้าทางผู้มาเยือน ที่ไม่ชอบบอลอุด นอกจากนั้นเจ้าถิ่นต้องเดินหน้าเต็มตัว เพราะได้เล่นในบ้านก่อน ก็มีสิทธิ์้เจอทีเด็ดสวนกลับของลิเวอร์พูล เอาได้ ดังนั้นราคาปป กัดฟันต่ออีกเกม ซื้อความมุ่งมั่นที่เหลืออยู่ในรายการสุดท้าย น่าจะเค้นฟอร์มเก่งออกมา

Mescore : ลิเวอร์พูล ชนะ 2-1

Meball แชมเปี้ยนชิพ
สโต๊ค ซิตี้ -vs- เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์

ผลงานที่เคยพบกัน
28/11/20 เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ – สโต๊ค ซิตี้ 0-0
26/12/19 สโต๊ค ซิตี้ – เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ 3-2
23/10/19 เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ – สโต๊ค ซิตี้ 1-0
30/03/19 สโต๊ค ซิตี้ – เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ 0-0
15/09/18 เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ – สโต๊ค ซิตี้ 2-2
02/12/15 สโต๊ค ซิตี้ – เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ 2-0

สโต๊ค ซิตี้

จะไม่มีตัวริมเส้นด้านซ้ายอย่างริส นอร์ริงตัน-เดวีส ที่ติดโทษแบน และไทรีส แคมพ์เบลล์ กองหน้าตัวสำคัญ

ไมเคิล โอนีล นายใหญ่สโต๊ค ซิตี้ น่าจะเรียกใช้จอร์แดน คูซินส์ ในแดนกลาง และดร็อปโจ อัลเลน ไปนั่งสำรอง นอกจากนั้นอาจจะมีการปรับเปลี่ยนอีกสองตำแหน่ง ที่ที่เจมส์ แม็คคลีน และแร็บบี้ มาตอนโด้ มีลุ้นลงตัวจริงในเกมรุก เพื่อที่จะเล่นกับสตีเว่น เฟล็ทเชอร์ แดนกลางมีจอห์น โอบี มิเคล และแซม คลูคัส ประสานงานกับคูซินส์

เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์

นีล ธอมป์สัน รักษาการผู้จัดการทีมเชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ อาจจะใช้ชุดเดิมหลังลูกทีมเล่นได้น่าประทับใจในนัดเจอวีคอมบ์ ตามระบบ 3-4-1-2 มีแบร์รี่ แบนแน่น เป็นตัวทำเกมด้านหลังกองหน้าคู่จอร์แดน โร้ดส์ ที่นัดที่แล้วทำ 1 ประตูและคัลลั่ม เพเตอร์สัน ที่นัดที่แล้วทำ 1 แอสซิสต์

ทรรศนะเดวิด พาRuay

ช่างปั้นหม้อ สโต๊ค ซิตี้ ฟอร์มย่ำแย่มาต่อเนื่อง และไม่ชนะมา 9 เกมแล้ว ในบ้านผลงาน 6 เกมหลังในลีกชนะได้แค่เกมเดียว ด้านเชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ 4 เกมหลังชนะถึง 3 แต่นอกบ้านชนะแค่เกมเดียวใน 11 เกมหลัง ตามฟอร์มแล้วเอาแน่เอานอนไม่ได้ทั้งคู่ อย่างไรก็ตาม สโต๊คเวลานี้แผ่วแรง เว้นส์เดย์ที่เกมล่าสุดฟอร์มดี น่าจะมีแต้มกลับไป

Mescore : สโต๊ค ซิตี้ เสมอ 1-1

Facebook
Twitter
WhatsApp
Email

บทความที่เกี่ยวข้อง