Meball เอฟเอ คัพ
สโต๊ค -vs- เลสเตอร์
ผลการพบกันของทั้งสองทีม
24/02/18 เลสเตอร์ เสมอ สโต๊ค 1-1
04/11/17 สโต๊ค เสมอ เลสเตอร์ 2-2
01/04/17 เลสเตอร์ ชนะ สโต๊ค 2-0
17/12/16 สโต๊ค เสมอ เลสเตอร์ 2-2
23/01/16 เลสเตอร์ ชนะ สโต๊ค 3-0
19/09/15 สโต๊ค เสมอ เลสเตอร์ 2-2
สโต๊ค
สโต๊ค ของกุนซือ ไมเคิ่ล โอนีลล์ เพิ่งจะเปิดรังพ่ายให้กับ บอร์นมัธ 0-1 ในลีกเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา สำหรับความพร้อมของทีมก่อนฟาดแข้ง จะไร้เงา แองกัส กันน์ , อดัม เดวี่ส์ , ไทรีส แคมพ์เบลล์, ลี เกรกอรี่ กับ มอร์แกน ฟ็อกซ์ ห้าตัวเจ็บที่ยังอยู่ในระหว่างการพักรักษาตัว คาดว่า โอนีลล์ เตรียมวางหมากในระบบ 3-5-2 โดยมี แซม โว๊คส์ กับ จาค็อบ บราวน์ (21 นัดลีก/1 ประตู) ผนึกกำลังกันล่าสกอร์ในแดนหน้าตามสูตร
เลสเตอร์
เลสเตอร์ ของกุนซือ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เพิ่งจะบุกเอาชนะ นิวคาสเซิ่ล 2-1 ในลีกมาสดๆ ร้อนๆ สำหรับสภาพทีมล่าสุดก่อนลงสนาม จะไร้เงา เจมี่ วาร์ดี้ กับ เจมส์ แม็ดดิสัน สองแข้งหลักที่เจ็บเล็กน้อยและน่าจะได้พักในแมตช์นี้ คาดว่า ร็อดเจอร์ส เตรียมจัดทัพในแผนการเล่น 4-2-3-1 โดยมี เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ ยืนเป้าล่าสกอร์และใช้ มาร์ก อัลไบรจ์ตัน, อาโยเซ่ เปเรซ กับ ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ เป็นสามประสานกลางรุกคอยซัพพอร์ตอยู่ด้านหลัง
สโต๊ค (3-5-2) : โจเซฟ เบอร์ซิค – นาธาน คอลลิ่นส์, แฮร์รี่ ซูตต้าร์, แดนนี่ บาธ – ทอมมี่ สมิธ, โจ อัลเลน, จอห์น โอบิ มิเกล, จอร์แดน ธอมป์สัน, เจมส์ แม็กคลีน – แซม โว๊คส์, จาค็อบ บราวน์
เลสเตอร์ (4-2-3-1) : แดนนี่ วอร์ด – เจมส์ จัสติน, ชากลาร์ โซยุนชู, คริสเตียน ฟุ๊คส์, ลุค โธมัส – นัมปาลิส เม็นดี้, เดนนิส ปราเอ้ต์ – มาร์ก อัลไบรจ์ตัน, อาโยเซ่ เปเรซ, ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ – เคเลชี่ อิเฮียนาโช่
ทรรศนะ เดวิด พาRuay
ดูทรงแล้วไม่แคล้วเสร็จทีมเยือน เลสเตอร์ บุกเอาชนะตามคาด เพราะพวกเขากำลังฟอร์มดี โดยเฉพาะเกมรุกที่ยิงต่อเนื่องรวมทั้งสิ้น 7 ประตูตลอด 4 เกมหลังสุด แม้ว่าจะมีการโรเตชั่นกันบ้าง แต่อย่าลืมว่าขุมกำลังส่วนใหญ่ก็เคยเป็นตัวจริงกันมาก่อน ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าถิ่น สโต๊ค ช่วงหลังก็ยังไม่น่าไว้ใจ ด้วยการไม่ชนะใครเลยตลอด 4 หนท้ายทุกรายการ (เสมอ 2, แพ้ 2) และโดนทะลวงแนวรับเน้นๆ 5 ตุง ส่วนด้านการเผชิญหน้ากันอยากให้มองข้ามไปก่อน เนื่องจากเหตุการณ์ล่าสุดนั้นมันเกิดขึ้นนานกว่า 2 ปีที่แล้ว
Mescore : เลสเตอร์ ชนะ 2-1
เอฟเอ คัพ
แมนฯยู -vs- วัตฟอร์ด
ผลการพบกันของทั้งสองทีม
23/02/20 แมนฯยู ชนะ วัตฟอร์ด 3-0
22/12/19 วัตฟอร์ด ชนะ แมนฯยู 2-0
30/03/19 แมนฯยู ชนะ วัตฟอร์ด 2-1
16/09/18 วัตฟอร์ด แพ้ แมนฯยู 1-2
13/05/18 แมนฯยู ชนะ วัตฟอร์ด 1-0
แมนฯยู
แมนฯยู ของกุนซือ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ เพิ่งจะเปิดรังพ่ายให้กับ แมนฯซิตี้ 0-2 ในศึก ลีก คัพ เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา สำหรับความพร้อมของทีมวันนี้ ยังคงไม่สามารถใช้งาน เอดินสัน กาวานี่ หัวหอกตัวเก่งที่ติดโทษแบนอยู่เดิม เช่นเดียวกับ ฟิล โจนส์ ซึ่งเดี้ยงอยู่เพียงรายเดียวเท่านั้น
คาดว่า โซลชาร์ เตรียมโรเตชั่นในระบบ 4-2-3-1 โดยมี เมสัน กรีนวู้ด ยืนเป้าล่าตาข่ายและใช้ ฆวน มาต้า, ดอนนี่ ฟาน เด เบ็ค กับ แดเนี่ยล เจมส์ เป็นสามประสานกลางรุกคอยสนับสนุนอยู่ด้านหลัง
วัตฟอร์ด
วัตฟอร์ด ของกุนซือ ซิสโก้ มูนญอซ เพิ่งจะบุกพ่ายให้กับ สวอนซี 1-2 ในลีกสดๆ ร้อนๆ สำหรับความพร้อมของทีมวันนี้ จะไม่มีชื่อ ไอแซ็ก ซักเซสส์ , เคร็ก แคธคาร์ต , อาโยโตมิว่า เดเล่-บาชิรู , คริสติย็อง กาบาเซเล่ กับ โดมิงกอส กีน่า (14 นัดลีก/1 ประตู) ซึ่งกอดคอกันเดี้ยงยกแพ็ค
ส่วนทางด้านของ เจมส์ การ์เนอร์ มิดฟิลด์ตัวยืมจะไม่สามารถลงเล่นพบต้นสังกัดแม่ได้ คาดว่า มูนญอซ เตรียมจัดทัพในระบบ 4-4-2 โดยมี อันเดร เกรย์ กับ ทรอย ดีนี่ย์ ควงคู่ล่าสกอร์ตามระเบียบ
แมนฯยู (4-2-3-1) : ดีน เฮนเดอร์สัน – แบรนดอน วิลเลี่ยมส์, อีริก ไบญี่, อั๊กเซล ตวนเซเบ้, อเล็กซ์ เตลเลส – เนมานย่า มาติช, สกอตต์ แม็กโตมิเนย์ – ฆวน มาต้า, ดอนนี่ ฟาน เด เบ็ค, แดเนี่ยล เจมส์ – เมสัน กรีนวู้ด
วัตฟอร์ด (4-4-2) : เบ็น ฟอสเตอร์ – กิโก้ เฟเมเนีย, วิลเลี่ยม ทรูสต์-เอกง, เบ็น วิลม็อต, เจเรมี่ เอ็นกาเกีย – อิสไมล่า ซาร์, นาธาเนี่ยล ชาโลบาห์, ทอม เคลเวอร์ลี่ย์, เคน เซม่า – อันเดร เกรย์, ทรอย ดีนี่ย์
ทรรศนะ เดวิด พาRuay
ต้องบอกว่าการพ่าย แมนฯซิตี้ 0-2 ตกรอบ ลีก คัพ ไม่ใช่จุดจบของ แมนฯยู แน่นอน และต้องยอมรับว่าเป็นการเจอคู่แข่งร่วมเมืองผิดเวลาไปสักหน่อย อย่างไรก็ดีการโคจรมาพบกับ วัตฟอร์ด ซึ่งเป็นรองแทบทุกด้าน ทั้งศักยภาพของขุมกำลัง การลงเตะนอกสถานที่และฟอร์ม 4 แมตช์ท้ายที่ชนะเพียงคราเดียวเท่านั้น (เสมอ 1, แพ้ 2)
นี่ยังไม่นับสถิติการพบกัน ณ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ที่โคตรจะเป็นรองและแทบจะแพ้กลับออกไปอยู่เสมอ อย่าลืมว่า “ปีศาจแดง” ช่วงนี้กำลังเครื่องร้อนและฟอร์มจัดจ้านไม่ธรรมดา
Mescore : แมนฯยู ชนะ 2-0
Meball ลา ลีกา
แอต.มาดริด -vs- แอธฯ บิลเบา
ผลการพบกันของทั้งสองทีม
14/06/20 แอธฯบิลเบา เสมอ แอต.มาดริด 1-1 ลา ลีกา
27/10/19 แอต.มาดริด ชนะ แอธฯบิลเบา 2-0 ลา ลีกา
17/03/19 แอธฯบิลเบา ชนะ แอต.มาดริด 2-0 ลา ลีกา
11/11/18 แอต.มาดริด ชนะ แอธฯบิลเบา 3-2 ลา ลีกา
18/02/18 แอต.มาดริด ชนะ แอธฯบิลเบา 2-0 ลา ลีกา
แอต.มาดริด
เจ้าบ้านจากเมืองหลวง เกมนี้มีข่าวดีคือจะได้ สเตฟาน ซาวิช พ้นโทษแบนกลับมา รวมถึงโทษแบนยาวของ คีแรน ทริปเปียร์ ก็ถูกระงับเอาไว้ชั่วคราวทำให้นักเตะกลับมาลงสนามได้อีกครั้ง และน่าจะออกสตารืทตรงวิงแบ็คฝั่งขวาทันที
ขณะที่ตำแหน่งอื่นๆ เตรียมส่งผู้เล่นเซ็ทเดิมจากช่วงเวลาชนะ 4 นัดติดลงสนาม ในระบบ 3-5-2 วาง หลุยส์ ซัวเรซ กองหน้าที่กำลังเข้าฝัก ประสานงานกับ เจา เฟลิกซ์ โดยมี โกเก้, ซาอูล นิเกซ และ มาร์กอส ญอเรนเต้ คุมกลาง
แอธฯ บิลเบา
ฝั่ง แอธฯ บิลเบา ทีมเยือนมีปัญหาตรงแดนกลาง และแนวรับ ที่เจ็บรวมกันถึง 4 ราย ไม่ว่าจะเป็น เปรู โนลาสโกไอน์, เยราย อัลบาเรซ, อูไน โลเปซ และ ยูรี่ เบร์ชีเช่ จึงเหลือทางเลือกในการจัดทัพค่อนข้างน้อย
อย่างไรก็ตามพวกเขาเตรียมปรับทัพบางจุดเพื่อความสด โดยตำแหน่งโซนบนน่าจะได้เห็น อินญากี้ วิลเลี่ยมส์ ล่าตาข่ายกับ ราอูล การ์เซีย โดยมี อูไน เวนเซดอร์ และ ดานี่ การ์เซีย คุมกลาง
แอต.มาดริด (3-5-2) : ยาน โอบลัค – สเตฟาน ซาวิช, ฟิลิเป้, มาริโอ เอร์โมโซ – คีแรน ทริปเปียร์, โกเก้, ซาอูล นิเกซ, มาร์กอส ญอเรนเต้, ยานนิค การ์ราสโก้ – หลุยส์ ซัวเรซ, เจา เฟลิกซ์
แอธฯ บิลเบา (4-4-2) : อูไน ซิมอน – อังเดร กาป้า, อูไน นูนเญซ, อิญิโก้ มาร์ติเนซ, มิเกล บาเลนเซียก้า – ออสก้า เด มาร์กอส, อูไน เวนเซดอร์, ดานี่ การ์เซีย, อิเกร์ มูเนียอิน – อินญากี้ วิลเลี่ยมส์, ราอูล การ์เซีย
ทรรศนะ เดวิด พาRuay
ฟอร์มในบ้านยังแกว่ง โดยเฉพาะเวลารับมือกับทีมครึ่งบนของตาราง เมื่อพ่ายต่อ บาร์เซโลน่า, เรอัล โซเซียดาด รวมถึง เซลต้า ที่นาทีกำลังมาแรง จึงไม่แปลกหากจะโดนอีกหนึ่งคู่แข่งระดับท็อปอย่าง แอต.มาดริด อัดเอาอีกเกม ประกอบกับผลงาน “ตราหมี” อยู่ในช่วงเข้าฝัก กับสถิติฟาดชัยในรัง 6 นัดติด และไม่แพ้ใครตลอด 16 เกมหลัง ยืนยันได้ นอกจากนั้น 5 หนหลังที่บิลเบา มาเยือนสังเวียนแห่งนี้ก็พ่ายออกมาเรียบวุธ
Mescore : แอต.มาดริด ชนะ 2-0
