สารบัญ
Meball
วีคอมบ์ -vs- สเปอร์ส
ผลการพบกันของทั้งสองทีม
28/01/17 สเปอร์ส ชนะ วีคอมบ์ 4-3 / เอฟเอ คัพ
วีคอมบ์
วีคอมบ์ ของกุนซือ แกเร็ธ ไอน์สเวิร์ธ เพิ่งจะเปิดรังเอาชนะ เปรสตันฯ 4-1 ในศึก เอฟเอ คัพ เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา สำหรับความพร้อมของทีมวันนี้ ไม่มีรายงานตัวเจ็บหรือติดโทษแบนเข้ามาเพิ่มเติม นอกเสียจาก แอนโธนี่ สจ๊วร์ต (16 นัด/1 ประตู) แนวรับตัวหลักที่เดี้ยงอยู่เดิมเท่านั้น คาดว่า ไอน์สเวิร์ธ เตรียมวางหมากในระบบ 4-2-3-1 โดยมี สกอตต์ แคชเก็ต (22 นัดลีก/4 ประตู) ยืนหน้าล่าสกอร์และใช้ เดวิด วีเลอร์ (21 นัดลีก/2 ประตู), ดาริล ฮอร์แกน (23 นัดลีก) กับ เฟร็ด ออนเยดินม่า (23 นัดลีก) เป็นสามประสานกลางรุกคอยสนับสนุนอยู่ด้านหลัง
สเปอร์ส
สเปอร์ส ของกุนซือ โชเซ่ มูรินโญ่ เพิ่งจะบุกเอาชนะ เชฟฯยูฯ 3-1 ในลีกเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา สำหรับสภาพทีมก่อนฟาดแข้งวันนี้ ไม่มีรายงานตัวเจ็บหรือติดโทษแบนเข้ามาเพิ่มเติม เว้นเสียจาก โจวานี่ โล เซลโซ่ กลางรุกอาร์เจนไตน์เพียงรายเดียวที่ยังไม่หายดี คาดว่า มูรินโญ่ เตรียมจัดทัพในแผนการเล่น 4-2-3-1 โดยโรเตชั่นส่ง คาร์ลอส วินิซิอุส ยืนหน้าล่าตาข่ายและใช้ แกเร็ธ เบล, อีริค ลาเมล่า กับ ลูคัส มูร่า เป็นสามประสานกลางรุกคอยปั้นเกมอยู่ด้านหลัง
วีคอมบ์ (4-2-3-1) : ไรอัน ออลล์ซ็อพ – แจ็ค กริมเมอร์, จอช ไนท์, ไรอัน ตาฟาซอลลี่, โจ จาค็อบเซ่น – เคอร์ติส ธอมพ์สัน, โดมินิก เกป – เดวิด วีเลอร์, ดาริล ฮอร์แกน, เฟร็ด ออนเยดินม่า – สกอตต์ แคชเก็ต
สเปอร์ส (4-2-3-1) : โจ ฮาร์ต – แม็ตต์ โดเฮอร์ตี้, โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์, โจ โรดอน, เบ็น เดวี่ส์ – ปิแอร์ ฮอยเบิร์ก, แฮร์รี่ วิงค์ส – แกเร็ธ เบล, อีริค ลาเมล่า, ลูคัส มูร่า – คาร์ลอส วินิซิอุส
ทรรศนะ เดวิด พาRuay
กล้าฟันธงแบบไม่เกรงใจเจ้าบ้านว่างานนี้ยับแน่ เพราะทีมเยือนอย่าง สเปอร์ส กำลังอยู่ในช่วงฟอร์มโหดโคตรเหี้ยม ด้วยการชนะ 4 จาก 5 หนท้ายทุกรายการแบบไม่แพ้ใคร (เสมอ 1) และทริปเยือน มารีน ในศึก เอฟเอ คัพ รอบก่อนหน้าก็ซัดไม่เลี้ยง 5-0 บอกเลยว่ามาตรฐานขุมกำลังแม้จะเป็นสำรองหรือตัวเสริม ก็จัดอยู่ในเกรดบีบวกถึงเอเลยทีเดียว
เมื่อเทียบกับเจ้าถิ่น วีคอมบ์ ที่น่าจะจอดเพียงป้ายนี้ เพื่อหันโฟกัสไปลุ้นหนีตายในลีกเป็นเรื่องแรก แน่นอนว่าพวกเขาเองก็ยังเลือกที่จะโรเตชั่นตัวหลักไว้บู๊บอลลีกที่กำลังเข้มข้น ครั้นจะขนชุดใหญ่ใส่เต็ม แต่เกมลีกไปไม่รอด ก็ดูจะเป็นความคิดที่โง่เกินไปหน่อย
Mescore : สเปอร์ส ชนะ 3-1
Meball ลา ลีกา
แอธฯ บิลเบา -vs- เกตาเฟ่
ผลการเจอกันของทั้งสองทีม
29/11/20 เกตาเฟ่ เสมอ แอธฯบิลเบา 1-1 ลา ลีกา
02/02/20 แอธฯบิลเบา แพ้ เกตาเฟ่ 0-2 ลา ลีกา
25/08/19 เกตาเฟ่ เสมอ แอธฯบิลเบา 1-1 ลา ลีกา
07/04/19 เกตาเฟ่ ชนะ แอธเลติก บิลเบา 1-0 ลา ลีกา
25/11/18 แอธฯบิลเบา เสมอ เกตาเฟ่ 1-1 ลา ลีกา
แอธฯ บิลเบา
ไม่มีปัญหาการจัดท้พเพิ่มเติม นอกจากแนงรับอย่าง เปรู โนลาสโกไอน์ ที่เดี้ยงยาวมาตั้งแต่ปรีซีซั่น ขณะที่การจัดทัพไม่น่าจะปรับทีมอะไรมากนัก เพราะอยู่ในฟอร์มที่ดี โดยจะยึดระบบเดิม 4-4-2 แดนกลางใช้ อูไน เบนเซดอร์ ประสานงานกับ ดานี่ การ์เซีย ปล่อยให้ อินญากี้ วิลเลี่ยมส์ และ ราอูล การ์เซีย ล่าตาข่ายร่วมกัน
เกตาเฟ่
ฝั่งอาคันตุกะก็ไม่มีแข้งเดี้ยงหรือติดแบนเพิ่มเติม นอกจาก เออร์เนส อูนาล กองหน้าตัวเก่งที่พักฟื้นอิยู่เพียงรายเดียว จึงน่าจะยึดเซ็ทเดิมที่เก็บชัยติดต่อกันมา 2 นัด ในระบบ 4-2-3-1 พร้อมกับวาง ทาเคฟุสะ คุโบะ, การ์เลส อเลนญ่า และ มาร์ก กูกูเรญ่า เป็นสามประสานเดินเกมอยู่ด้านหลัง ไฆเม่ มาต้า ซึ่งรับบทบาทหน้าเป้า
แอธฯ บิลเบา (4-4-2) : อูไน ซิมอน – อันเดร์ กาปา, อินญิโก้ มาร์ติเนซ, เยราย อัลบาเรซ, ยูริ เบร์ชิเช่ – ออสก้าร์ เดอ มาร์กอส, อูไน เบนเซดอร์, ดานี่ การ์เซีย, อิเกร์ มูเนียอิน – อินญากี้ วิลเลี่ยมส์, ราอูล การ์เซีย
เกตาเฟ่ (4-2-3-1) : รูเบน ยานเญซ – ดาเมี่ยน ซัวเรซ, เอริก กาบาโก้, ดีเยเน่ ดาโกนัม, มาเธียส โอลิเวร่า – เนมานย่า มัคซิโมวิช, เมาโร อารัมบาร์รี่ – ทาเคฟุสะ คุโบะ, การ์เลส อเลนญ่า, มาร์ก กูกูเรญ่า – ไฆเม่ มาต้า
ทรรศนะ เดวิด พาRuay
บิลเบา อยู่ในช่วงมั่นใจ เนื่องจากผลงานกำลังเข้าฝัก ชนะถึง 4 จาก 5 เกมหลังทุกรายการ และเก็บชัยเหนือคู่แข่งอย่าง เรอัล มาดริด กับ บาร์เซโลน่า พร้อมกับคว้าแชมป์ซูเปอร์ คัพ เพิ่มเครดิตอีกด้วย จึงน่าจะกลับมาเล่นในบ้านกันอย่างมั่นใจ ส่วน เกตาเฟ่ เล่นนอกบ้านไม่ประทับใจเท่าไร โดยสะกดชัยเจอแค่ 2 ตลอด 14 ทริปที่ผ่านมา และก็เอาชนะได้แต่ เอลเช่ คู่แข่งท้ายตาราง กับ กาดิซ ซึ่งชื่อชั้นไม่เท่าไร
ดังนั้นยกพลเจอ บิลเบา ที่ชั่วโมงนี้เครื่องแรง คาดว่าอาคันตุกะน่าจะลำบาก อีกทั้งสถิติที่ทั้ง 2 ทีมเคยพบกันมา 10 ครั้งหลัง ปรากฎว่าอาคันตุกะเอาชนะบิลเบา ได้แค่ 2 หน ซึ่งมองจากสถิติต่างๆ เชียร์บิลเบา
Mescore : แอธฯ บิลเบา ชนะ 1-0
Meball โปรตุเกส
ฟาเรนเซ่ -vs- ปอร์โต้
ผลการพบกันของทั้งสองทีม
– เพิ่งเคยพบกันครั้งแรก
เจ้าบ้าน ฟาเรนเซ่ เกมล่าสุดเพิ่งเก็บชัยเหนือกิล บิเซนเต้ 3-1 เป็นชัยชนะนัดแรกหลังก่อนหน้านี้ไม่ชนะใครมา 3 เกมติด ด้านความพร้อมพวกเขาจะไม่มี เอดูอาร์โด้ มานช่า กับ เชซ่าร์ มาร์ติน ที่บาดเจ็บทั้งคู่ ส่วนด้านการจัดทัพนั้นจะวางหมาดในระบบ 4-2-3-1 โดยที่ 3 แนวรุกจะใช้บริการของ มาดี้ เกต้า, ไรอัน กอลด์ และอูโก้ เซโก้ คอยสร้างสรรค์เกมรุกสนับสนุนหัวหอกในแดนหน้าอย่าง นิโกล่า สโตยิลโกวิช (13 นัด / 2 ประตู) ลงบู๊ในเกมนี้
ด้านทีมเยือน ปอร์โต้ รองจ่าฝูงของตาราง ฟอร์ม 5 เกมหลังสุดยังไม่แพ้ใคร ขณะที่ความพร้อมนั้นเกมนี้จะไม่มี อีบัน มาร์กาโน่ ที่บาดเจ็บ ส่วนในรายของ โรมาริโอ บาโร่, นานู,แซร์จิโอ้ โอลิเวร่า, เอวานิลซอน และ ลุยซ์ ดิอาซ นั้นต่างก็ติดโควิด-19 ลงสนามไม่ได้เช่นกัน แมตชืนี้คาดว่า แซร์จิโอ้ คอนไซเซา กุนือใหญ่จะวางหมากในระบบ 4-4-2 แดนกลางเป็น มาเตอุส อูรีเบ้ กับ มาร์โก กรูยิช คอยปั้นเกมสนับสนุน 2 หัวหอกในแดนหน้าอย่าง มุสซ่า มาเรก้า (14 นัด / 6 ประตู) และ เมห์ดี้ ตาเรมี่ (14 นัด / 6 ประตู) ลงล่าตาข่ายในเกมนี้
ทรรศนะ เดวิด พาRuay
เจ้าบ้าน ฟาเรนเซ่ ทีมจากโซนท้ายตารางผลงานขาดความสม่ำเสมอและเดาทางได้ยากลำบากจริงๆ เกมนี้ได้เล่นในบ้านก็จริงแต่ผู้มาเยือนเป็นถึงยักษ์ใหญ่ประจำลีกหมายความว่าเกมนีพวกเขาเจอกับงานหนักอย่างแน่นอน
ฟอร์มและผลงานต่างกันราวฟ้ากับเหว ปอร์โต้ แกร่งกว่าในทุกๆด้านไม่ว่าจะเป็นขุมกำลังหรือแท็คติกที่เหลือกว่า แถมเกมนี้งมีแรงจูงใจให้เก็บ 3 คะปนนอีกด้วย เพราะเกมล่าสุดพวกเขาเสมอ เบนฟิก้าไป 1-1 รั้งที่ 2 ของตาราง โดนที่ 3 อย่าง เบนฟิก้า ไล่จี้แต้มมาเท่ากันเเล้วเกมนี้จำเป็นต้องชนะถ้าไม่อยากโดนแซง ฉะนั้นมั่นใจว่าปอร์โต้ จะบุกมาไล่กระซวกอย่างแน่นอนครับ