สารบัญ
Meball พรีเมียร์ลีก
นิวคาสเซิ่ล -vs- ลิเวอร์พูล
ผลการพบกันของทั้งสองทีม
26/07/20 นิวคาสเซิ่ล แพ้ ลิเวอร์พูล 1-3
14/09/19 ลิเวอร์พูล ชนะ นิวคาสเซิ่ล 3-1
05/05/19 นิวคาสเซิ่ล แพ้ ลิเวอร์พูล 2-3
26/12/18 ลิเวอร์พูล ชนะ นิวคาสเซิ่ล 4-0
04/03/18 ลิเวอร์พูล ชนะ นิวคาสเซิ่ล 2-0
นิวคาสเซิ่ล
นิวคาสเซิ่ล ของกุนซือ สตีฟ บรูซ เพิ่งจะบุกพ่ายให้กับ แมนฯซิตี้ 0-2 ทำให้สามเกมหลังสุดในลีกยังไม่ชนะใคร สำหรับสภาพทีมล่าสุดก่อนลงสนาม ยังคงไม่มีชื่อ จามาล ลาสเซลล์ส กับ อัลล็อง แซงต์-มักซิแม็ง สองแข้งโควิด-19 ที่ยังไม่หายดี เช่นเดียวกับ มาร์ติน ดูบราฟก้า, ไรอัน เฟรเซอร์ และ จอนโจ้ เชลวี่ย์ ซึ่งเดี้ยงอยู่เดิมเท่านั้น คาดว่า บรูซ เตรียมจัดทัพในระบบ 5-4-1 โดยมี คัลลั่ม วิลสัน ยืนหน้าล่าสกอร์และใช้ แม็ตต์ ริตชี่ กับ โชเอลินตอน เป็นสองปีกคอยขึ้นเกมริมเส้นตามสูตร
ลิเวอร์พูล
ลิเวอร์พูล ของกุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ เพิ่งจะเปิดรังเจ๊า เวสต์บรอมวิช 1-1 สำหรับความพร้อมของทีมวันนี้ ไม่มีรายงานตัวเจ็บหรือติดโทษแบนเข้ามาเพิ่มเติม นอกเสียจาก เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค, โจ โกเมซ, คอนสแตนตินอส ซิมิคาส, โฌแอล มาติป, นาบี เกอิต้า กับ ดิโอโก้ โชต้า เหล่าบรรดาแข้งเดี้ยงที่ไม่สามารถลงเล่นได้ทั้งหมด คาดว่า คล็อปป์ เตรียมวางหมากในแผนการเล่น 4-3-3 โดยมี โมฮาเหม็ด ซาล่าห์, ทาคูมิ มินามิโนะ กับ ซาดิโอ มาเน่ เป็นสามประสานแดนหน้าคอยล่าสกอร์ ขณะที่ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ถูกพักเป็นสำรองไปก่อน
นิวคาสเซิ่ล (5-4-1) : คาร์ล ดาร์โลว์ – ฆาบี มานกีโญ่, เฟเดริโก้ เฟร์นานเดซ, ฟาเบียน ชาร์, เคียแรน คลาร์ค, จามาล ลูอิส – แม็ตต์ ริตชี่, ฌอน ลองสต๊าฟฟ์, ไอแซ็ก เฮย์เด้น, โชเอลินตอน – คัลลั่ม วิลสัน
ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลิสซง เบ็คเกอร์ – เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, รีส วิลเลี่ยมส์, ฟาบินโญ่, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน – อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, จอร์จินิโอ้ ไวย์นัลดุม – โมฮาเหม็ด ซาล่าห์, ทาคูมิ มินามิโนะ, ซาดิโอ มาเน่
ทรรศนะเดวิด พาRuay
ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์อาเพศหรือการซื้อเกมรับด้วยแทคติก 6-4-0 หรือ 4-6-0 เหมือนที่ เวสต์บรอมวิช ของกุนซือ แซม อัลลาร์ไดซ์ ทำนั้น เชื่อว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ น่าจะจัดการคู่แข่งได้ไม่ยาก และค่อนข้างมั่นใจว่า นิวคาสเซิ่ล ในบ้านน่าจะวางแผนตั้งรับและรอจังหวะโต้กลับสวยๆ เล่นงาน
ซึ่งน่าจะพอมีช่องว่างให้ “หงส์แดง” คอยเล่นงานเจ้าถิ่นก็เป็นได้ แม้ก่อนเกมจะมีกระแสโรเตชั่นขุมกำลังพอสมควร แต่เอาเข้าจริงแล้วก็ไม่แน่ว่าน่าจะส่งชุดเกือบเต็มลงบู๊ตามเดิมอยู่ดี ขณะที่ทางด้าน “สาลิกาดง” ก็กำลังผลงานห่วย แพ้ 3 จาก 4 หนท้ายทุกรายการแบบไม่ชนะใคร (เสมอ 1) และโดนทะลวงแนวรับยับเยินร่วมๆ 9 ตุงเลยทีเดียว ดูทรงแล้วมีสิทธิ์พ่ายคารังสูง
Mescore : หงส์ถล่ม 3 เม็ด
Meball แชมเปี้ยนชิพ 2020/21
สวอนซี -vs- เร้ดดิ้ง
ผลการพบกันของทั้งสองทีม
23/07/20 เร้ดดิ้ง แพ้ สวอนซี 1-4
28/09/19 สวอนซี เสมอ เร้ดดิ้ง 1-1
01/01/19 เร้ดดิ้ง แพ้ สวอนซี 1-4
27/10/18 สวอนซี ชนะ เร้ดดิ้ง 2-0
20/09/17 เร้ดดิ้ง แพ้ สวอนซี 0-2 / ลีก คัพ
สวอนซี
เจ้าบ้านพลพรรค “หงส์ขาว” ผลงานช่วงหลังกลับมาโชว์ฟอร์มเก่งอีกครั้งเก็บชัยมาได้ 2 นัดติดต่อกัน ส่วนความพร้อมนั้นเกมวันนี้พวกเขาจะไม่มี มอร์แกน กิบส์-ไวต์ กับ จอร์จ ไบเออส์ ที่มีอาการบาดเจ็บหมดสิทธิ์ช่วยทีม ส่วนในรายของ ไคล์ นอตัน กองหลังวัย 32 ปี ต้องรอประเมินอาการก่อนเกมอีกที โดยแมตช์นี้คาดว่า สตีฟ คูเปอร์ กุนซือใหญ่จะวางแผนในระบบ 3-4-1-2 แดนกลางเป็น ยาน ดานดา คอยปั้นเกมสนับสนุน 2 หัวหอกในแดนหน้าอย่าง จามาล โลว์ (21 นัด / 6 ประตู) และอ็องเดร อายิว (20 นัด / 8 ประตู) ลงบู๊ในเกมนี้
เร้ดดิ้ง
ด้านทีมเยือน เร้ดดิ้ง ผลงาน 5 นัดหลังสุดของพวกเขานั้นเก็บชัยไปได้ 2 นัด โดยความพร้อมในเกมนี้พวกเขามีบัญชีแข้งเดี้ยงยาวเป็นหางว่าวเลยทีเดียวไล่มาตั้งแต่ แอนดี้ เยียดอม, จอร์จ ปุสกัส,เฟลิเป้ อรารูน่า, โอมาร์ ริชาร์ดส, ยาคู เมอิเต้, ลูอิส กิ๊บสัน และเลียม มัวร์ ที่บาดเจ็บหมดสิทธิ์ลงสนาม ส่วนขุมกำลังที่คาดว่จะโม่แข้งในแมตช์นี้นั้นจะมาในระบบ 4-2-3-1 แดนกลางวาง จอห์น สวิฟท์ คอยสร้างสรรค์เกมร่วมกับ มิชาเอล โอลิเซ่โอวี่ เอจาเรีย ลงปั้นเกมร่วมกัน สนับสนุนหัวหอกในแดนหน้าอย่าง แซม บัลด็อค (11 นัด) ลงล่าตาข่ายในเกมนี้
ทรรศนะเดวิด พาRuay
เจ้าบ้านทัพ “หงส์ขาว” ฟอร์มแข็งแกร่งอย่างมาก 5 เกมหลังสุดในบ้านยังไม่แพ้ใครถือว่าเป็นทีมที่เล่นในบ้านได้อย่างแข็งแกร่งมากๆ ขณะที่ทีมเยือน เร้ดดิ้ง ฟอร์มย่ำแย่ 5 เกมหลังสุดเก็บชัยไปได้เพียงแค่นัดเดียวเท่านั้น เรทราคาเปิดออกมาให้ เจ้าถิ่นสวอนซี ต่อ ปป พิจารณาแล้วขอแนะนำให้อยู่ ต่อ ดีที่สุดครับเพราะฟอร์มของ “หงส์ขาว” นั้นเหนือกว่าเกมรุกก็ดูดีไว้วางใจได้ แถมสถิติการเจอกัน 6 ครั้งหลังสุดก็เป็น สวอนซี ที่ทำได้ดีกว่าไม่แพ้เร้ดดิ้งเลยแม้แต่ครั้งเดียว
Mescore : หงส์ขาวชนะ 2-0
Meball ลา ลีกา
เอลเช่ -vs- เรอัล มาดริด
ผลการพบกันของทั้งสองทีม
23/02/15 เอลเช่ แพ้ เรอัล มาดริด 0-2
24/09/14 เรอัล มาดริด ชนะ เอลเช่ 5-1
22/02/14 เรอัล มาดริด ชนะ เอลเช่ 3-0
26/09/13 เอลเช่ แพ้ เรอัล มาดริด 1-2
เอลเช่
ไม่มีปัญหาผู้ล่นเจ็บหนัก แต่ต้องเช็คฟิต ดีเอโก้ กอนซาเลซ กองหลังตัวหลัก แต่น่าจะถูกเข็นลงสนาม นอกนั้นไม่ีปัญหาม้แต่รายเดียว จึงน่าจะเห็นกำลังหลักอย่าง โฆซาน เฟอร์นานเดซ, ลูกัส โบเย่ และ ฟิเดล เป็นสามประสานในแดนหน้าต่อไป ขณะที่ เตเต้, อิบัน มาร์โคเน่ กับ ราอูล กูตี จะคุมแดนกลางในระบบ 4-3-3
เรอัล มาดริด
ได้กำลังหลักกลับคืนทีมหมดแล้ว ล่าสุดกองกลาง ลูก้า โมดริช ผ่านความฟิตพร้อมออกสตาร์ท ประสานงานกับ โทนี่ โครส และ คาเซมิโร่ ทางด้านแบ็คซ้ายต้องแย่งกันระหว่าง เฟอร์ล็อง เมนดี้ หรือ มาร์เชโล่ แต่คาดว่ารายแรกน่าจพได้สิทธิ์ตัวจริงก่อน ขณะที่แดนบนน่าจะเลือกใช้ มาร์โก้ อาเซนซิโอ ก่อน วินิซิอุส จูเนียร์ โดยมี คาริม เบนเซม่า และ ลูคัส บาซเกซ คอยช่วยอีกแรง ส่วนอีกหนึ่งกองหน้าอย่าง โรดรีโก้ เป็นแข้งรายเดียวที่ยังบาดเจ็บ
เอลเช่ (4-3-3) : เอ็ดการ์ บาดิอา – อันโตนิโอ บาร์รากัน, ดิเอโก้ กอนซาเลซ, กอนซาโล่ เบร์ดู, โฆเซม่า – เตเต้, อิบัน มาร์โคเน่, ราอูล กูตี – โฆซาน เฟอร์นานเดซ, ลูกัส โบเย่, ฟิเดล
เรอัล มาดริด (4-3-3) : ติโบต์ กูร์ตัวส์ – ดานี่ การ์บาฆัล, เซร์คิโอ รามอส, ราฟาเอล วาราน, เฟอร์ล็อง เมนดี้ – โทนี่ โครส, คาเซมิโร่, ลูก้า โมดริช – ลูคัส บาซเกซ, คาริม เบนเซม่า, มาร์โก้ อาเซนซิโอ้
ทรรศนะเดวิด พาRuay
เล่นด้วยความมั่นใจต่อเนื่องสำหรับ มาดริด โดยฟาดชัย 6 เกมติดต่อกันแล้ว อย่างเยือนก็ชนะ 2 ทริปติด หนึ่งในนั้นยกพลเข้าวินเหนือทีมแกร่งอย่างเซบีย่า ได้อีกด้วย ส่วนเอลเช่ ก็ฝืดตามประสาทีมเล็ก เมื่อสะกดชัยในบ้านไม่เจอติดต่อกันมา 4 เกม (เสมอ 3 แพ้ 1) ทั้งที่ผ่านมาแต่คู่แข่งท้ายตารางด้วยกัน ดังนั้นด้วยสถานการณ์ปัจจุบันจึงไม่ใช่เรื่องเหนืบ่ากว่าแรงของแชมป์เก่าที่จะเก็บ 3 แต้มพื่อไล่กดดันแอต.มาดริด จ่าฝูง ราคา 1.75 วางบอลต่อ มุมชนะขาดมีสูง