ทำเอาเขย่าเกาะอังกฤษกันไปเลย! หลังจากมีข่าว ฮาเมส โรดริเกซ นักเตะซุปตาร์ ชาวโคลัมเบีย ได้ถอดเสื้อสีขาว เก็บข้าว เก็บของ ออกจากถิ่น ซานติเอโก เบอร์นาบิว ของ “เรอัล มาดริด”ทีมแชมป์ลาลีกา สเปน ปีล่าสุด
…แล้วมาจรดปากกา ขอใส่เสื้อสีน้ำเงินของ “เอฟเวอร์ตัน” ทีมไซต์เล็ก ๆ ที่อันดับอยู่เพียงกลางตารางของพรีเมียร์ลีก
ทำไม ? แข้งดังจากทีมรวมดารา ถึงเลือกลงหลักปักฐาน ในถิ่นเมอร์ซี่ไซด์ ซึ่งไร้ถ้วยแชมป์ประดับบารมี มาหลายปีดีดัก และการมาของ ฮาเมส โรดริเกซ จะช่วยยกระดับเอฟเวอร์ตันจบท็อปโฟร์ หรือลุ้นแชมป์บอลลีก และบอลถ้วยฤดูกาลหน้า 2020/21 ได้หรือไม่ ? ตามมาทางนี้ แล้วเราไปไขความกระจ่างพร้อม ๆ กัน
ปัจจัยที่ทำให้ “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” มีลุ้น คว้าแชมป์ต่าง ๆ มาประดับสโมสร และไต่อันดับลุ้นท็อปโฟร์ บนตารางพรีเมียร์ลีก มี 3 ข้อด้วยกัน คือ
- ศักยภาพ ฮาเมส ที่ซีดานมองข้าม แต่อันเชล็อตติมองเห็น
- โรดริเกซ กับหมากที่ถูกเซ็ตไว้แล้ว ในแผนฤดูกาลหน้า
- ฮาเมส สามารถ แก้เกมให้เอฟเวอร์ตันได้ หากเกิดปัญหา
1.มีศักยภาพที่ซีดานมองข้าม แต่อันเชล็อตติมองเห็น
เหตุผลหลักๆ ของการย้ายทีม ก็คงเป็นเรื่องของการลงเล่นให้มากขึ้น เพื่อเรียกฟอร์มเก่งกลับมา ส่วนที่เลือกเอฟเอวร์ตัน ก็เพราะ มี คาร์โล อันเชล็อตติ กุนซือคู่บุญกุมบังเหียนอยู่นั่นเอง อีกทั้งนายใหญ่อย่าง คาร์โล อันเชล็อตติ มั่นใจในศักยภาพ ฮาเมส โรดริเกซ จะมาช่วยให้ทีม ติด 1 ใน 4 พรีเมียร์ลีก 2020/21… ได้
ไม่เพียงแค่นั้นทั้งคู่ยังเป็น นักเตะ และผู้จัดการทีม “คู่บุญ” ที่เกื้อหนุนพากันคว้าแชมป์ เพราะนายใหญ่อิตาลี รู้ทีเด็ดของนักเตะจากโคลอมเบียดีเสียยิ่งกว่าใคร ไม่เหมือนกับ ซีดาน ที่มีดินเนื้อดีอยู่แล้วแท้ ๆ แต่กลับไม่ปั้นให้ขึ้นรูป… อย่างในฟุตบอลโลก 2014 ที่โรดริเกซใช้ไม้ตายโชว์ลีลารับลูกด้วยอก แล้วม้วนตัว 360 องศา
ใช้เท้าซ้ายส่งลูกแบบวอลเลย์ เข้าประตูได้อย่างสวยงามมาแล้ว จนเป็นจุดแจ้งเกิดให้เขาในวงการลูกหนัง
ถึงแม้ว่าฟุตบอลโลกครานั้น ทีมชาติโคลอมเบียจะไม่ได้เข้ารอบชิง แต่ตัวเขากลับได้รับรางวัล “FIFA Puskas Award 2014” ซึ่งเป็นรางวัลมอบให้นักเตะคนแรก! ที่ยิงประตูได้ทุกนัด ในลงแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ติดต่อกันถึง 4 นัด… จนทำให้ทีมใหญ่ในยุโรปเปิดศึกชิงตัวหัวหอกโคลอมเบียขึ้ันหลังจบทัวนาเม้นท์ และสุดท้ายเป็น“ราชันชุดขาว”ที่ได้ตัวเขาไปในที่สุด
การอยู่ เรอัล มาดริด ในปี 2014/15 ของ ฮาเมส คนที่อยากได้ตัวเขาก็คือ อันเชล็อตติ นี่เอง ที่ทุ่มเงิน 60 ล้าน คว้าตัวมาอยู่ด้วยอย่างไม่ลังเล และในฤดูกาลนั้น เขาปั้นนักเตะโคลอมเบีย ให้ขึ้นแท่นรับรางวัล มิดฟิลด์ยอดเยี่ยมแห่งปีในศึก “ลาลีกา สเปน” ด้วยสถิติได้ลงเล่นมากสุด 29 ครั้ง ทำประตูมากถึง 13! ลูก
ก่อนชีวิตพ่อค้าแข้งรายนี้ต้องเจอกับขาลง เมื่ออันเชล็อตติ ต้องจากราชันชุดขาว ไปคุม “เสือใต้” บาเยิร์น ฮาเมซ ก็พลอยดวงตกตามไปด้วย เขาเริ่มบาดเจ็บ และไม่ค่อยได้ลงเล่นใน 2015/16 ทำให้สถิติการยิงและลงเล่นของเขาก็ลดลงตามลำดับ
ปี 2017/18 อันเชล็อตติ รู้ว่า โรดริเกซ กำลังเผชิญปัญหาอย่างหนัก เมื่อรู้ว่า “ซีเนดีน ซีดาน” ไม่ค่อยให้ความสนใจนักเตะรายนี้ เขาจึงเดินเรื่องให้ ฮาเมส มาเล่นบาเยิร์น มิวนิคด้วย ก่อนที่ดีลนี้จะสัมฤทธิ์ผล ฮาเมส หวนร่วมงาน อันเชล็อตติ เป็นคำรบสอง และการเป็นส่วนหนึ่งของเสือใต้นี่เอง ทำให้ไฟในตัว ฮาเมส ลุกโชน กลับมาคืนฟอร์มอีกครั้ง! โดยเขาลงเป็นตัวจริง 19 ครั้ง ทำได้ 7 ประตูมากถึงเกือบครึ่ง ดีกว่าตอนอยู่กับซีดาน ที่เรอัล มาดริดเป็นเท่าตัว
แต่น่าเสียดายที่ระหว่างที่โรดริเกซ กำลังจะฟื้นคืนชีพ นายใหญ่อิตาลี ถูกปลดออกจากตำแหน่งอีก หลังทำพี่เสือ ตกรอบยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก ทำให้เขาต้องพลาดจากโค้ชที่รักอีกครั้ง และต้องอยู่โดดเดี่ยวไร้เงาโค้ชคู่บุญถึง 2 ปี ก่อนจะกลับไปอยู่กับราชันชุดขาวดังเดิมตามสัญญาในฤดูกาล 2019-20
สรุปแล้ว! สิ่งที่อันเชล็อตติ เล็งเห็นในตัวโรดริเกซ มีทั้ง ลีลาฝีแข้งที่โดดเด่น ความพยายาม ความสามารถ และความเข้าใจ ชนิดมองตาก็เห็นลิ้นไก่! เมื่อนักเตะจากโคลอมเบียอยู่กับอัลเช่ เขารู้ว่าจะใช้งานยังไงให้เข้ากับเทคติคที่เลือก เพราะตลอดระยะเวลาที่ฮาเมส รับใช้นายใหญ่อิตาลี่ เขาฟอร์มไม่เคยตก แถมได้รางวัลมากมายจากความสามารถนี้ ดังนั้นการที่ อัลเช่ มี อาเมส ลุยศึกพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลใหม่ พวกเรามั่นใจได้ว่า โรดริเกซ อยู่ในมือโค้ชที่รู้จักวิธีใช้งานแล้ว ทำให้มีหวัง คว้าท็อปโฟร์ได้แน่!
2.เป็นหมากที่ถูกเซ็ตไว้แล้ว ในแผนฤดูกาลหน้า!
วิเคราะห์จากแผนการเล่นที่ผ่านมาทั้ง เรอัล มาริด และบาเยิร์น อันเชล็อตติ ได้ใช้แผน 4-1-4-1, 4-1-2-3 , 4-3-3,4-2-3-1 รวมถึง 4-4-2 โดยให้ ฮาเมสเป็นกองกลางตัวทำเกม หรือบางครั้งถูกโยกไปเป็นศูนย์หน้า ซึ่งเป็นตำแหน่งและแผนเกมที่โรดริเกซคุ้นเคย และเล่นได้ดี!
ยกตัวอย่างในฤดูกาล 2014/15 อันเช่ เคยจัดทัพลงสนาม 4-3-3 โดยมี “คริสเตียโน่ โรนัลโด้”, “คาริม เบนเซม่า” กับ “แกเร็ธ เบล” เป็นกองหน้า ส่วน ฮาเมส ลงกองกลาง 3 คน กับ “ลูก้า โมดริช” และ “โทนี่ โครส” แม้แผนนี้จะใช้ได้ดี แต่จะมีปัญหากับเกมรับอยู่บ้าง นั่นก็ไม่ใช้เหตุผล เพราะพวกเขาต่างเดินหน้าถล่มประตูเป็นว่าเล่น อีกทั้ง โรดริเกซ ก็มีบทบาทสำคัญและช่วยทีมได้ตลอดจากการเล่นแบบนี้
ด้วยศักยภาพของ โรดริเกซ ที่เล่นเข้ากับระบบ เชื่อได้ฤดูกาลหน้า อัลเซ่ จะใช้แผน 4-3-3 นี้กับเอฟเวอร์ตันแน่นอนเพราะมันเวิร์คได้ผลเสมอเมื่อมีโรดริเกซเข้ามา อีกทั้งยังสามารถแบ่งรับแบ่งสู้ กับพวกกองกลางของทีมอื่นได้ ที่น่าสนใจอีกประการ ฮาเมส ยังมีความสามารถจ่ายบอล ให้เพื่อนได้แม่นยำ และแน่นอนว่าทำประตูเองได้ด้วยเช่นกัน
หากเป็นจริงดั่งที่หวังกับแผนการเล่น 4-3-3 คาดว่าอัลเซ่จะจับฮาเมสบัญชาเกมคู่กับ“อังเดร โกเมส”และให้“เอเลน”คอยช่วยตัดเกมอยู่ด้านหลัง เพราะฮาเมสครองบอลแน่นจ่ายบอลแม่น บวกกับเทคนิคเฉพาะตัวจากโกเมสจะช่วยสร้างสรรค์ปั้นเกมรุกท๊อฟฟี่ให้สนุกลุ้นทำประตูมากขึ้นเหมือนเมื่อครั้งที่อัลเช่ ใช้แผนนี้ตอนที่อยู่เรอัล มาดริด และเป็น ฮาเมส ที่ผนึกกำลังกับอิสโก้ จอมเทคนิค ผลิตประตูให้กับทีมมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
แต่ถ้าแผน 4-3-3 ไม่ได้ผล การใช้ฮาเมสในแผนเป็น 4-2-3-1ก็ทำได้เช่นกัน เพราะบ่อยครั้งสมัยอยู่มาดริด โรดริเกซ จะถูกโยกมาทำหน้าที่ฝั่งขวากิ่งปีก ซึ่งผลงานก็ออกมาดีไม่แพ้การประจำการอยู่ตรงกลางสนามด้วย หากเป็นดังนั้นจริงพื้นที่กลางสนามคงเป็นหน้าที่ของโกเมส หรือไม่ก็เป็น ซิกูสัน ที่เล่นในตำแหน่งเดียวกันบัญชาการเกมแทน โดยเขาจะคอยทะลุทะลวงและเปิดสวยๆ จากริมเส้นให้กองหน้าอย่าง “โดมินิก คาลเวิร์ต-เลวินเลวิต” ทำประตู หรือไม่เจ้าตัวก็สอดแทรกขึ้นไปทำประตูด้วยตัวเองได้เช่นกันหากถูกโยงมายืนในตำแหน่งนี้
จะว่าไปหากแผนการทั้ง2แบบไม่ได้ผล อัลเช่ก็จะงัดแผนไม้ตายอย่าง 4-2-2 มาใช้ทันที ซึ่งแผนกันตายที่ อันเชล็อตติ ชอบใช้! หากเป็นจริง คาดว่าฮาเมสคงประจำการอยู่ริมเส้นฝั่งขวาเช่นเดียวกับแผน 4-2-3-1 แต่จะขยับลงมากลางสนาม มากกว่าการดันขึ้นสูง โดยคู่หูในแดนกลางก็จะประกอบด้วย เอเลน, ฟาเบียน เดลฟ์, โกเมส หรืออาจจะเป็น “ทอม เดวี่ส์” ที่ลงบู๊กกับคู่แข็งตรงกลางแทน ซึ่งสูตรนี้ อัลเช่ เคยใช้ฮาเมสบ่อยครั้งเมื่อคุมชุดขาวและเสือใต้ และฮาเมสโชว์ฟอร์มโดดเด่น ทั้งยิงทั้งจ่ายได้เช่นกัน!
สรุปได้ว่า! ไม่ว่าจะแผนการไหนที่ อันเชล็อตติวางไว้ โรดริเกซสามารถเติมช่องโหว่ตรงนั้นได้! เพราะเขาถูกเลือกไว้ล่วงหน้าแล้ว อีกทั้งเชื่อว่า ฮาเมส คุ้นเคยเข้าใจหมากที่ อัลเซ่ วางไว้ให้เขาเป็นอย่างดี ทำให้เชื่อว่าเกมรุกเอฟเวอร์ตัน 2020 ดุดันขึ้นแน่นอน
3.สามารถแก้เกมให้เอฟเวอร์ตันได้ หากเกิดปัญหา
อันเชล็อตติ คงมองไว้แล้วว่าการเข้ามาของ ฮาเมส จะช่วยเติมเต็มการสร้างสรรค์เกม และอุดรอยรั่วในทีมได้ ฮาเมส อาจจะเล่นได้เกือบทุกตำแหน่งในเกมบุก แต่ตำแหน่งที่เขาถนัดที่สุด อย่างที่รู้กันก็คือ “เพลย์เมคเกอร์” หรือมิดฟิลด์ตัวรุก ที่เล่นอยู่บริเวณหลังกองหน้าและด้วยตำแหน่ง ที่ต้องชิงตำแหน่งจอมทัพกับ กิลฟี่ “ซิกูสัน” เจ้าของเดิม ดูแล้วคงไม่ใช่ปัญหา
เพราะตำแหน่งมิดฟิวด์เขาอยู่ได้ทุกที่ แต่ถ้าหากอัลเช่ มองว่าทั้งคู่เล่นร่วมกันได้ ซิกูสัน อาจต้องปรับบทบาทถอยตัวเองลงต่ำมา ที่แน่ๆ ในฤดูกาลหน้า ทั้งคู่เหมือนตัวตายตัวแทนกัน หากเกิดปัญหาอาการบาดเจ็บ หรือติดโทษแบนก็สามารถทดแทนเป็นกำลังหลักให้กับทีมเดินหน้าต่อไปได้
การบ้านที่โรดริเกซต้องไปทำมา ก็คือ ต้องหมั่นการจ่ายบอลไปยังตัวรุกมากขึ้น เพราะพวกเขามักจะพุ่งทะยานเข้าสู้กรอบเขตโทษเสมอ โดยเฉพาะ “ริชาร์ริสัน” ที่เป็นความหวังของทีม ถ้าหาก 2 คนนี้ ปรับตัวให้เข้ากันได้เมื่อไหร่เกมรุกของเอฟเวอร์ตัน จะอันตรายที่สุดทีมหนึ่งของลีกทันที!
เพราะ ฮาเมส มีสัญชาตญาณแบบเพลย์เมกเกอร์ ฉลาดทั้งการยืนตำแหน่ง การอ่านเกม สิ่งนี้แหละจะมายกระดับเกมรุกเอฟเวอร์ตันให้ตื่นตาตื่นใจมากขึ้น รวมถึงทีเด็ดการทำประตูจากแถวสอง ไม่เป็นสองรองใครสิ่งนี้แหละที่ อัลเช่ มองเห็นและดึง ฮาเมส มาร่วมทีมในที่สุด
สรุปได้ว่า ฮาเมส จะมามีบทบาทและเป็นศูนย์กลางในเกมรุกของเอฟเวอร์ตัน และจะช่วยแบ่งเบาภาระของทีม และแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นหน้าเกมได้ โดยเฉพาะช่วย ริชาร์ริสัน ได้อย่างมหาศาล ยิ่งรวมเข้ากับนักเตะใหม่อย่าง อัลลัน และ “ดูคูเร่” ที่เป็นกองกลางเชิงรับทั้งคู่แล้ว โรดริเกซจะได้รับบทบาทในเกมรุกอย่างมาก
เพราะเขาเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระ ยืดหยุ่นไปตามแทคติคของอันเช่ ที่รู้จักเขาดีที่สุดคนหนึ่งบนโลกใบนี้ หาก ฮาเมส โรดดิเกวซ ปรับตัวเข้ากับฟุตบอลอังกฤษได้ คนที่จะได้ประโยชน์สูงสุด นอกจาก คัลเวิร์ต-เลวิน และ ริชาร์ริสัน แล้ว ก็คงจะเป็นเราเอฟเวอร์โตเนี่ยน นั่นแหละ ที่จะได้ตื่นตาตื่นใจ กับเกมรุกของทีม
สรุปส่งท้าย
ฮาเมส โรดริเกซ จะมาเป็นกุญแจสำคัญ ที่จะนำทัพเอฟเวอร์ตัน ติดหนึ่งในสี่ของพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2020/21! ด้วยเหตุผลที่ว่า ฮาเมส มีของที่อันเช่มองเห็น แต่ซีดานพลาด ไม่ว่าจะเป็นท่าไม้ตาย การเล่นเกมได้หลายหลาย จ่ายลูก หรือบุกทำประตูเอง ก็ไม่เป็นปัญหา และอันเช่ก็ยังวางแผนเกมให้เขาเอาไว้แล้วด้วย ไม่ว่าจะเป็นแผน 4-3-3 , 4-2-3-1 ก็เล่นได้หมดด้วยความคุ้นเคย และเหตุผลข้อสุดท้าย ก็คือ เขาจะเข้ามาอุดรอยรั่วให้ทุกตำแหน่ง และเสริมความแข็งแกร่งให้กับทีม รับรองฤดูกาลหน้าที่จะถึง 2020/21 นี้ จะต้องมีอะไรสนุกเกิดขึ้นแน่ ๆ!
